กริกอรี รัสปูติน

jumbo jili

ในสมัยของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ( ร่วมสมัยกับรัชกาลที่ 5 ของไทย ) รัสเซียประสบปัญหาความยุ่งยากเป็นอันมาก เพราะต้องเข้าสู่สงครามถึงสองครั้ง ครั้งแรกเป็นสงครามกับคนเอเชีย คือ คนญี่ปุ่น ผลของสงครามครั้งนั้นทำให้พระราชอำนาจของพระองค์เสื่อมถอยลง เพราะรัสเซียพ่ายแพ้สงครามแก่ญี่ปุ่น พอถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งซึ่งรัสเซียเข้าเกี่ยวข้องด้วยนั้น ก็มีผลกระทบกระเทือนมาถึงราชบัลลังก์ของพระองค์ด้วยเหมือนกัน เพราะความพ่ายแพ้ในสนามรบทำให้ประชาชนซึ่งมีเรื่องเดือดร้อนเสื่อมความนิยมในรัฐบาลของพระองค์ ทั้งนี้เนื่องจากขาดแคลนอาหารและภาวะเงินเฟ้อ จนกระทั่งนำไปสู่การปฏิวัติของพวกบอลเชวิกเป็นระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ และการสำเร็จโทษกษัตริย์รัสเซียและราชวงศ์ที่ใกล้ชิดทั้งหมด ( จนเป็นปมปัญหาที่ถกเถียงกันในทางประวัติศาสตร์ว่าพระโอรส พระธิดาของพระเจ้า ซาร์นิโคลัสที่ 2 สิ้นพระชนม์ทั้งหมดจริงหรือไม่ ถ้าจริงแล้วพระอัฐิศพอยู่ที่ใด เพราะมีผู้มาอ้างตัวเป็นพระนางอนาสตาเซีย พระธิดา และคนอื่นๆอีกหลายคน – จะนำมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป )

สล็อต

กริกอริ รัสปูติน เกิดเมื่อ พ.ศ. 2374 ( สมัยรัชกาลที่ 3 ของไทย ) เกิดในครอบครัวเกษตรกรบ้านนอกของไซบีเรีย โดยเป็นบุตรคนที่สามของอีฟิม อากอฟเลวิช และแอนนา อีกอรอฟน่า ซึ่งอาศัยในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของเมืองโปดรอฟสโกยี ( สันนิษฐานว่า ครอบครัวนี้อาจเป็นพวกมองโกลจากเมืองโตบอลสก์ ) ในตอนเป็นหนุ่ม รัสปูตินมีความกระหายที่จะเป็นแบบเกษตรกรผู้ที่ทำงาน ดื่มเหล้าหนัก และเสเพลเรื่องผู้หญิง ขนาดอวัยวะเพศอันผิดมนุษย์มนาของเขาเป็นที่ชื่นชอบขอเด็กสาวๆ ในหมู่บ้าน ซึ่งมาดูเขาเปลือยกายว่ายน้ำในสระเช่นเดียวกับพวกเธอ ( บางตำราที่กล่าวถึงรัสปูติน อ้างว่า รัสปูตินมีอวัยวะเพศยาวถึง 13 นิ้ว !!! ) วันหนึ่ง ไอริน่า แดนิลอฟว่า คูบาชอฟว่าภรรยาสาวสวยของนายพลรัสเซียร่วมกับสาวใช้ 6 คน ร่วมกันล่อลวงเด็กหนุ่มรัสปูตินอายุ 16 ปีไปเสียตัว หลังจากเหตุการณ์ครานั้นแล้ว รัสปูตินจึงเริ่มเที่ยวโสเภณีในหมู่บ้านเกิดของเขา
เมื่อถึงอายุ 20 ปี รัสปูตินแต่งงานกับเด็กสาวในท้องถิ่นเดียวกัน ชื่อ ปราสโกเวีย เฟโอ โดรอฟน่า ดูโบรวิน่า และเป็นพ่อของเด็กสี่คน สามคนมีชีวิตอยู่จนเป็นผู้ใหญ่ แม้ว่าจะแต่งงานแล้ว เขาก็ยังเที่ยวโสเภณีอยู่
จากการได้ร่วมสนุกทางกามารมณ์กับเด็กสาวนาไซบีเรียสามคน ซึ่งเขามีโอกาสพบขณะไปว่ายน้ำเล่นที่ทะเลสาบนั้นเอง ได้ชักจูงให้รัสปูตินรู้ถึงความหลายหลากในศาสนา ในราว พ.ศ. 2443 เขาก็ได้ร่วมกับนิกายนอกรีตนอกรอยที่เรียกว่า นิกายคลิสติ กลุ่มศาสนิกชนผู้ยึดถือในนิกายนี้เชื่อว่ามนุษย์มีบาปมาแต่เริ่มแรก จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องไถ่บาปในเวลาต่อมา ดังนั้น พวกเขาจึงประกอบพิธีอันพิลึกพิลั่นหลายอย่างเกี่ยวกับความวิตถารในทางกามารมณ์และการบูชายัญ ผู้คนในบ้านเกิดของรัสปูตินไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมเหล่านี้ จึงขับไล่
รัสปูตินให้ต้องเร่ร่อนไปทั่วชนบทของรัสเซีย เพื่อประกอบการเยียวยารักษาโรค และชักชวนผู้หญิงในแดนเถื่อนให้เข้าร่วมพิธีกรรมอันวิตถารพิธีกรรมเหล่านี้ประกอบด้วยการดื่มเหล้า การร้องเพลง การเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง และก็ทำกิจกรรมอย่างว่าเป็นหมู่คณะ ( สวิงกิ้งนั่นเอง ) ในทุกๆ แห่งที่สะดวกไม่ว่าจะเป็นป่า ( โปรดนึกภาพตามว่าสภาพจะเป็นอย่างไร ) ยุ้งข้าว หรือกระท่อมของสาวกคนใดคนหนึ่ง หลักนิยมของ
รัสปูตินในการไถ่บาปผ่านการปลดปล่อยทางกามารมณ์นั้น ทำให้สตรีมากมายที่ศรัทธาในนิกายนี้ต้องบำเรอความสุขให้เขาเสียก่อนเป็นขั้นแรก แม้ว่ารูปโฉมของ “ นักบุญจอมราคะ ” แสนจะสกปรกเลอะเทอะ โรเบิร์ต แมสซี่ นักเขียนอัตชีวประวัติจึงบันทึกไว้ว่า “ การร่วมเพศกับคนบ้านนอกที่ไม่ได้อาบน้ำ หนวดเคราและมือสกปรก ได้ก่อให้เกิดความรู้สึกเสียวซ่านอย่างใหม่ขึ้น ”
ในปี พ.ศ. 2448 รัสปูตินได้เข้ามาตั้งมั่นอยู่ในเมืองเซนต์ปีเตอร์เบอร์ก ( เมืองหลวงในขณะนั้น ) รัสปูตินได้บรรเทาอาการโรคโลหิตไหลไม่หยุด ( ฮีโมฟีเลีย ) ของเจ้าชายอเล็กซิสได้ เป็นที่ชื่นชมของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และซารีน่า อเล็กซานดร้า ผู้เป็นพระราชมารดาเป็นอันมาก รัสปูตินจึงอาศัยอิทธิพลของซารีน่าแผ่อิทธิพลและสร้างเรื่องอื้อฉาวทางกามารมณ์จนเป็นที่กล่าวขวัญในเมืองหลวง มีสตรีสมัยใหม่จำนวนมากมายในนครหลวงที่ตกเป็นทาสกามของรัสปูตินอย่างเต็มใจ บางครั้งสามีของสตรีเหล่านี้กลับเอาไปคุยโวโอ้อวดว่าภรรยาของตน “ เป็นสมบัติของรัสปูติน ผู้มีความสามารถอย่างเหลือเชื่อ ”
เขาจัดตั้งสำนักขึ้นในที่พักแบบห้องชุดของเขา และบรรดาสุภาพสตรีก็จะชุมนุมกันอยู่ที่โต๊ะในห้องอาหารเพื่อรอการเชิญเข้าไปในห้องนอนซึ่งเขาเรียกเอาเองว่า “ ห้องศักดิ์สิทธิอันเป็นที่หวงห้าม ” ตามธรรมดาแล้วรัสปูตินจะอยู่ในห้องอาหาร แวดล้อมไปด้วย “ สานุศิษย์ ” ที่น่ารักน่าใคร่ บางครั้งคนใดคนหนึ่งในพวกเหล่านี้จะขึ้นไปอยู่บนตักของเขาและเขาจะลูบไล้เส้นผมของเธอ พลางกระซิบแผ่วๆ ถึงความเป็นคนถือสากปากถือศีล และความลึกลับของการกลับฟื้นคืนมาใหม่ ต่อจากนั้นเขาก็จะตั้งต้นร้องเพลง ในตอนท้ายสุภาพสตรีก็จะร่วมร้องเพลงด้วย ในไม่ช้าการร้องเพลงก็จะแปรเปลี่ยนอย่างฉับพลันไปสู่การเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งก่อให้เกิดตัณหาหน้ามืดและต้องเข้าไปใน “ ห้องศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่หวงห้าม ” ในการชุมนุมครั้งหนึ่งที่กรุงเซนต์ปีเตอร์-เบอร์ก รัสปูตินได้โพล่งพรรณนาราวกับตาเห็นถึงการสมสู่ของม้า แล้วเขาก็คว้าสตรีผู้มีชื่อเสียงซึ่งเป็นแขกรับเชิญคนหนึ่งเข้าเต็มแรง และกล่าวว่า “ มาเถอะ นางฟ้าที่รักของฉัน ”
คนที่เต็มใจเป็นคู่ขาในทางกามารมณ์ของรัสปูตินมีอยู่หลายคน แต่มักจะไม่ปรากฏนามอย่างเปิดเผย ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นสูงหรือผู้มีชื่อเสียง เช่น นักแสดงหญิง ภรรยาทหาร และเมื่อไม่มีใครอื่นที่จะใช้ระงับตัณหาราคะอันมหาศาลของเขาได้แล้วละก็ สาวใช้ในโรงแรมหรือโสเภณีก็ได้ สุภาพสตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดของรัสปูติน คือ องค์ซารีน่า นั่นเอง สำหรับองค์ซารีน่าแม้จะไม่ถึงกับตกเป็นทาสสวาท แต่ก็มีลายพระหัตถ์อันเพราะพริ้งถึงรัสปูตินให้คำมั่นว่าจะ “…จูบมือของพระคุณเจ้าและแนบศีรษะของลูกกับไหล่อันศักดิ์สิทธิ์ของพระคุณเจ้า…” ผู้หญิงซึ่งรัสปูตินผู้อดทนมากที่สุดคือ ภรรยาของเขาเอง ปราสโกเวีย ซึ่งต้องทนทุกข์ทรมานกับการนอกใจของเขามาชั่วชีวิตโดยไม่ปริปากบ่น หล่อนเพียงแต่ยักไหล่และพูดอย่างใจกว้างว่า “ เขามีเพียงพอสำหรับคนทั้งหมด ”

สล็อตออนไลน์

ในปีพ.ศ. 2457 พวกชนชั้นสูงที่มีความคิดแบบจารีตนิยมได้ร่วมมือกันลอบฆ่ารัสปูติน คนที่ลอบฆ่าได้เชิญรัสปูตินมาเลี้ยงอาหารในตอนเที่ยงคืน และได้ใส่ยาพิษลงในขนมเค้กและเหล้าองุ่น เมื่อรัสปูตินมีอาการงุนงงมากขึ้นทุกทีเพราะกินยาพิษเข้าไป เจ้าชายเฟล็กซ์ ยูสซูปอฟ ( เป็นเกย์ ) หนึ่งในฆาตกรก็ฉวยโอกาสนั้นหาประโยชน์ทางกามารมณ์ที่ตนชอบนั้นทันที แล้วยิงซ้ำ 4 นัด รัสปูตินล้มลงแต่ยังไม่ตาย ฆาตกรอีกคนหนึ่งจึงใช้มีดเฉือนอวัยวะเพศของรัสปูติน แล้วโยนไปอีกด้านหนึ่งของห้อง หลังจากนั้นจึงมีการทุบตีรัสปูตินซ้ำลงไป แล้วจับมัดแล้วโยนลงแม่น้ำเนวาอันเยือกเย็น ทำให้รัสปูตินจมน้ำตายไปในที่สุด
สำหรับอวัยวะเพศของรัสปูตินที่ถูกโยนไปนั้น มีเรื่องเล่ากันว่า มีคนรับใช้ผู้ชายได้เก็บ “ สิ่งที่ถูกเหวี่ยงทิ้ง ” ไปให้แก่สาวใช้คนหนึ่ง และปรากฏว่าได้พบตัวสาวใช้ผู้นั้นที่ปารีสในปี พ.ศ. 2511 หล่อนยังเก็บรักษา “ สิ่งที่ดูคล้ายกล้วยหอมซึ่งงอมจัดจนดำไปหมด ” ไว้ในหีบไม้ขัดมันและนี่ก็คือตำนานของ “ รัสปูติน ”
คนรัสเซียมีมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับรัสปูติน ทั้งในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่และในช่วงหลัง เห็นเขาเป็นตั้งแต่ “คนธรรมะธัมโม” ไปจนถึง “สัตว์เลื้อยคลาน” ซึ่งคำหลังนี้เป็นฉายาที่นายปีเตอร์ สตาลิปิน นายกรัฐมนตรีนักปฏิรูปในยุคนั้นใช้เหยียดหยามรัสปูติน
เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งปะทุขึ้นในปี 2457 คนในจักรวรรดิรัสเซียต่างหวั่นเกรงถึง “พลังมืดรอบบัลลังก์” ตอนนั้นจักรพรรดินีอเล็กซานดรา มเหสีในพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งราชวงศ์โรมานอฟ ทรงเชื่อว่ารัสปูตินมีเวทมนตร์ที่สามารถบำบัดโรคฮิโมฟิเลีย (เป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมกลุ่มหนึ่งซึ่งทำให้ความสามารถควบคุมเลือดจับลิ่มเสื่อม ซึ่งใช้ห้ามเลือดเมื่อหลอดเลือดแตก) ในเจ้าชายอเล็กซี พระโอรส ที่เป็นองค์รัชทายาทได้
ส่วนฝ่ายที่เห็นด้วยกับการที่รัสเซียอยู่ข้างฝรั่งเศส และอยากให้เยอรมนีแพ้สงคราม ต่างสงสัยว่ารัสปูตินพยายามบ่อนทำลายนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย
คืนสุดท้าย
วาระสุดท้ายของรัสปูตินเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เป็นปริศนา ทำไมในคืนนั้นเขาถึงไปที่พระตำหนักของเจ้าชายเฟลิกซ์ ยูซูปอฟ ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
คำให้การของเจ้าชายยูซูปอฟ กับนายวลาดิเมียร์ ปูริชเควิช สองมือสังหารที่ปลิดชีวิตรัสปูติน ระบุว่าเจ้าชายยูซูปอฟไปรับตัวรัสปูตินเมื่อคืนวันที่ 30 ธันวาคม 2459 โดยอ้างว่าเจ้าหญิงอิรินา อเล็กซานดรอฟนา พระชายา ต้องการพบตัวรัสปูติน ทั้งที่ในความเป็นจริงตอนนั้น เจ้าหญิงอิรินาไม่ได้อยู่ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่อยู่ที่ตำหนักของตระกูลยูซูปอฟในไครเมีย
เจ้าชายยูซูปอฟอ้างว่าเขานำรัสปูตินลงไปชั้นล่าง และให้รัสปูตินกินเค้กอาบยาพิษ แต่เค้กก็ทำอันตรายอะไรรัสปูตินไม่ได้ เขาพูดแต่ขอขึ้นข้างบนเพื่อพบกับเจ้าหญิงอิรินา นอกจากนั้น ผู้ที่สมรู้ร่วมคิดกับเจ้าชายยูซูปอฟอีกหลายคนแกล้งทำเป็นจัดงานปาร์ตี้และส่งเสียงดังในห้องชั้นบน รวมทั้งเปิดเพลงอเมริกัน Yankee Doodle ด้วย แต่ผู้สื่อข่าวบีบีซีแผนกภาษารัสเซียเห็นว่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ตอนนี้ไม่น่าเป็นไปได้
เงื่อนงำทางการเมือง
แม้นรัสปูตินเป็นคนที่ไม่รับการศึกษาในโรงเรียน แต่เขาไม่ได้เป็นคนเขลา เขาตระหนักว่า เจ้าชายยูซูปอฟกับเจ้าหญิงอิรินาทรงร่ำรวยล้นฟ้า เจ้าหญิงอิรินาทรงเป็นเชื้อพระวงศ์ในราชวงศ์โรมานอฟ ดังนั้นรัสปูตินคงไม่นึกว่าเจ้าหญิงอิรินาจะทรงยอมให้เขาเข้าหาได้ง่าย ๆ ด้วยเรื่องอะไร
มาเรีย ซึ่งเป็นลูกสาวของรัสปูตินเคยกล่าวไว้ว่า นายอเล็กซานเดอร์ โพรโตโปปอฟ รัฐมนตรีมหาดไทยรัสเซียเคยเตือนรัสปูตินว่า มีคนวางแผนจะฆ่าเขา ทั้งยังแนะนำให้เขาหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนไปสักสองสามวัน แต่รัสปูตินบอกกับรัฐมนตรีมหาดไทยไปว่า “ช้าไปแล้ว” ดังนั้นจึงยังคงเป็นประเด็นปริศนาว่าทำไมรัสปูตินถึงไปเยี่ยมครอบครัวยูซูปอฟ
ตอนนั้นมีข่าวลือว่าจักรพรรดินีอเล็กซานดราและนายโพรโตโปปอฟ รัฐมนตรีมหาดไทยกำลังวางแผนยุบสภาดูมา เพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินและเริ่มกระบวนการเจรจาสงบศึก จึงเป็นไปได้ว่านายโพรโตโปปอฟวางแผนลวงรัสปูติน โดยให้สัญญาว่าจะให้เขาได้พบกับเครือข่ายของจักรพรรดินีอเล็กซานดรา

jumboslot

ผู้สื่อข่าวบีบีซีบอกว่า คำให้การในประเด็นอื่น ๆ ของผู้สังหารรัสปูตินทั้งสองคน ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ไม่ต่างไปกับบทในหนังสยองขวัญ โดยหลังจากใช้ยาพิษกับรัสปูตินไม่ได้ผล เจ้าชายยูซูปอฟก็เริ่มยิง แต่รัสปูตินลุกขึ้นมาเหมือนกับเป็นปีศาจร้าย ถึงแม้เจ้าชายยูซูปอฟยิงเข้าที่ขมับ แต่ก็ยังหยุดรัสปูตินไม่ได้ โดยรัสปูตินไล่ตามเจ้าชายยูซูปอฟไปรอบตำหนัก จากนั้นนายปูริชเควิช มือสังหารอีกคน จึงยิงรัสปูตินไป 4 นัด จากทางด้านหลัง ทำให้รัสปูตินล้มลง
ส่วนเรื่องเค้กที่อาบยาพิษนั้น คนที่รู้จักรัสปูตินดีต่างบอกว่า เขาไม่ชอบของหวาน เพราะเชื่อว่าเป็นของแสลงและอาจไปทำลายเวทมนตร์ในตัว
ทหารยามที่ถูกสอบสวนเรื่องการฆาตกรรมรัสปูติน ให้การว่า ได้ยินเสียงยิงปืนแบบรัว ๆ 4 นัด เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพยืนยันว่ากระสุนที่เจาะเข้าที่ท้องเป็นต้นเหตุทำให้รัสปูตินเสียชีวิต จาการเสียเลือดไปมาก
ไม่ได้จมน้ำตาย
มีหลักฐานที่ค่อนข้างขัดกันเรื่องเสื้อที่รัสปูตินสวมตอนที่เสียชีวิตแล้ว เขาอาจถูกฆ่าก่อนถอดเสื้อโค้ตกันหนาวก็เป็นไปได้ มือสังหารทั้งสองคนอาจฆ่าเขาทันทีที่เขาย่างเท้าเข้าไปข้างในตำหนัก ยิงในระยะเผาขน มีผู้ลงมือและสมรู้ร่วมคิดด้วยกันทั้งหมด 5 คน นำโดยเจ้าชายยูซูปอฟ อย่างไรก็ตามนักประวัติศาสตร์หลายคนชี้ว่า อาจมีผู้ร่วมมือมากกว่านี้
เนื้อหาในเรื่องที่เล่าต่อกันมาระบุว่า รัสปูตินไม่ยอมตายง่าย ๆ ทำให้ผู้สมรู้ร่วมคิดต้องจับเขากดในน้ำเย็นเฉียบเพื่อให้เขาจมน้ำตาย แต่ผลการชันสูตรศพระบุว่า “ไม่พบหลักฐานของการจมน้ำเสียชีวิต รัสปูตินเสียชีวิตแล้ว ตอนที่เขาถูกโยนลงในน้ำ”
ด้านชะตากรรมของมือสังหารสองคนนั้น ผู้สื่อข่าวบีบีซีเล่าว่า เจ้าชายยูซูปอฟเสด็จไปลี้ภัยที่กรุงปารีส หลังการปฏิวัติของพรรคบอลเชวิกเมื่อปี 2460 และอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งสิ้นพระชนม์เมื่อ 80 พรรษา ส่วนนายปูริชเควิชถูกจับได้ในเมืองเปโตรกราด ซึ่งเป็นชื่อใหม่ที่พรรคบอลเชวิกตั้งให้กับกรุงเซนต์ปีเตอร์เบิร์กเมื่อปี 2461 เขาได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมาตามคำสั่งของหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับ และเสียชีวิตจากโรคไข้รากสาดใหญ่เมื่อปี 2463 ในช่วงสงครามกลางเมืองในรัสเซีย
ความรุนแรงและโกลาหลทางการเมืองในรัสเซียจากการปฏิบัติของพรรคบอลเชวิกและความโหดร้ายของพรรรค ทำให้ดูเหมือนว่า รัสปูตินมีวาจาที่ศักดิ์สิทธิ์และสามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ โดยเขาเคยกล่าวไว้ว่า “ปราศจากข้าพเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างจะพินาศสิ้น”
เขายังเคยทำนายไว้ด้วยว่าเขาจะถูกฆ่า ในจดหมายที่เขียนถึงพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 เขาเตือนว่า หากคนสูงศักดิ์เป็นผู้ลงมือ มันจะทำให้ระบบกษัตริย์พังพินาศ
ต่อมาในปี 2461 นักปฏิวัติคอมมิวนิสต์ได้เข้าโค่นล้มระบอบกษัตริย์ สังหารราชสกุลและครอบครัวของในพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งราชวงศ์โรมานอฟ
ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1906 มีคำสั่งจากพระเจ้าซาร์ , รัสปูตินเข้าเยี่ยมลูกสาวของนายกรัฐมนตรี Pyotr Stolypin ที่มีอาการบาดเจ็บ, ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านั้น มีประชากรจำนวน 29 คนเสียชีวิตด้วยแรงของระเบิดซึ่งนั้นรวมถึงลูกสาวของนายกรัฐมนตรี Pyotr Stolypin อีกด้วย ไม่กี่เดือนต่อมา,
… ในวันที่ 15 ธันวาคม, รัสปูตินขอร้องอ้อนว่าต่อพระเจ้าซาร์, เกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อของเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย. กริกอริอธิบายว่าสมาชิกในครอบครัวหกคน ในเมือง Pokrovskoye ไม่ชอบนามสกุลรัสปูติน, และนี่คือสิ่งที่สร้างขึ้น การแบ่งประเภทก็อาจนำไปสู่ความโกลาหลได้ รัสปูตินถามนิโคลัส “วิธีที่จะยุติความหยุ่งเหยิงโกลาหลครั้งนี้ได้ด้วยควรอนุญาตให้ผมเปลี่ยนชื่อและลูกหลานใช้ชื่อว่า Rasputin-Novyi (Новый ซึ่งหมายถึง รัสปูตินคนใหม่ หรือ รัสปูตินแบบใหม่.”

slot

ในเดือน เมษายน ค.ศ. 1907 รัสปูตินถูกเชื้อเชิญอีกครั้งโดย Tsarskoye Selo , ในครั้งนี้เพื่อพบกับ Tsarevich Alexe ซึ่งเป็นเด็กที่มีอาการบาดเจ็บจากโรคฮีโมฟีเลียบี , ซึ่งแน่นอนไม่เป็นที่รู้กันอย่างสาธารณะว่ารัชทายาทจะติดโรคฮีโมฟีเลียบี โดยโรคนี้ค่อนข้างจะแพร่หลายในพระบรมวงศานุวงศ์ในแถบยุโรป เมื่อแพทย์ไม่รักษาได้จึงทำให้เกิดความหมดหวัง Tsarina นั้นยังคงรอคอยความช่วยเหลือจากใครสักคน โดยเธอได้สูญเสียแม่ ,พี่ชาย , น้องสาว เมื่อเธอยังเป็นเด็ก รัสปูตินบอกสามารถที่จะรักษาได้โดยการอธิษฐานภาวนาแด่พระเจ้า ซึ่งนั้นทำให้ญาติของเธอมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และก็ช่วยเบาบางจิตใจของเด็กและอาการได้อย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์จากหมอว่าเธอจะตายในเร็ววัน โดย Tsarevich แสดงให้เห็นสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ

Comments are closed